GAT KNOWLEDGE
ไวรัสตับอักเสบอี (Hepatitis E): โรคที่ป้องกันได้ด้วยพฤติกรรมง่ายๆ
รศ.นพ.ศิษฏ์ ศิรมลพิวัฒน์
วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ และคณะแพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
ไวรัสตับอักเสบอีคืออะไร?
ไวรัสตับอักเสบอี (Hepatitis E virus หรือ HEV) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของตับ โดยมักพบการติดเชื้อผ่านการบริโภคอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ เป็นโรคที่พบมากในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากการรับประทานเนื้อหมูหรือเครื่องในที่ปรุงไม่สุก
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหายได้เอง แต่โรคนี้อาจรุนแรงได้ในบางกลุ่ม เช่น หญิงตั้งครรภ์และผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง จึงเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม
ไวรัสตับอักเสบอีติดต่ออย่างไร?
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบอีมักติดต่อจากทางการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากอุจจาระ หรือการรับประทานเนื้อหมู เครื่องในหมู หรืออาหารสุกๆดิบๆ รวมถึงการสัมผัสสัตว์หรือวัตถุดิบจากสัตว์ที่มีเชื้อ
โดยในประเทศไทย แหล่งเสี่ยงพบได้บ่อยคืออาหารที่ไม่ผ่านความร้อนเพียงพอ เช่น เครื่องในหมู ลาบดิบ ก้อยดิบ หรืออาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ซึ่งอาจมีเชื้อปนเปื้อนอยู่โดยไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อาการของไวรัสตับอักเสบอีเป็นอย่างไร?
ผู้ติดเชื้อจำนวนมากอาจไม่มีอาการ แต่ถ้ามีอาการ มักพบดังนี้:
- ไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว
- คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
- ปวดท้องตำแหน่งใต้ชายโครงขวา
- ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม (พบในผู้ป่วยบางราย)
โดยอาการมักดีขึ้นเองภายใน 2–6 สัปดาห์ แต่ในบางกรณีอาจเกิดภาวะตับวายเฉียบพลันในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง เช่น ตับแข็ง และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยหลังรับการปลูกถ่ายอวัยวะ
โรคไวรัสตับอักเสบอีวินิจฉัยอย่างไร
แพทย์สามารถวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจเลือด ได้แก่ การตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือ IgM anti-HEV ร่วมกับการตรวจการทำงานของตับเพื่อประเมินความรุนแรงของโรค
การรักษาไวรัสตับอักเสบอี
- ในผู้ป่วยทั่วไป โรคนี้มักหายได้เอง การรักษาส่วนใหญ่เป็นแบบประคับประคอง เช่น พักผ่อน ดื่มน้ำมากขึ้น และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่อาจทำให้ตับอักเสบรุนแรงขึ้น
- ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเฉพาะทาง เช่น ribavirin
เราสามารถป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบอีได้อย่างไร?
1. รับประทานอาหารปรุงสุกเท่านั้น โดยเฉพาะเนื้อหมู เครื่องในหมู และอาหารที่เสี่ยงปนเปื้อน
2. ดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำที่ผ่านการต้มสุกหรือบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน
3. ล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธี ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสัตว์
ไวรัสตับอักเสบอีมีวัคซีนป้องกันหรือไม่?
ปัจจุบัน “ยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบอีในประเทศไทย” ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ
การบริโภคอาหารปรุงสุก ล้างมือ และหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์หรือเครื่องในที่ไม่ผ่านความร้อนตามมาตรฐาน
สรุป
ไวรัสตับอักเสบอีเป็นโรคที่พบได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะจากการรับประทานอาหารที่ไม่สุกหรือปนเปื้อนเชื้อ แม้ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่โรคอาจรุนแรงถึงขั้นตับวายได้ในกลุ่มเสี่ยง เช่น หญิงตั้งครรภ์และผู้ป่วยตับเรื้อรัง ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ในไทย การป้องกันจึงต้องอาศัยสุขอนามัยพื้นฐานและการเลือกรับประทานอาหารปรุงสุกเป็นหลัก หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม
TH
EN




