อ.นพ.ธนวัชร  จีระตระกูล
สาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
 

การรักษาโรคกรดไหลย้อน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นการรักษาที่สำคัญและสามารถทำได้ในผู้ป่วยทุกคน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีประโยชน์สำหรับโรคกรดไหลย้อนมีดังนี้

  1. ลดน้ำหนักในผู้มีน้ำหนักเกิน
  2. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  3. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน น้ำอัดลม ชา กาแฟ อย่างไรก็ตามอาหารที่กระตุ้นอาการในผู้ป่วยแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แนะนำให้สังเกตอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการของตนเอง และหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น
  4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อใหญ่
  5. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารใกล้เวลาเข้านอน ควรเว้นอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
  6. ออกกำลังกายในระดับหนักปานกลาง เช่น วิ่งเร็วพอประมาณ รู้สึกเหนื่อย แต่ยังพอพูดเป็นประโยคสั้น ๆ ได้ 
  7. นอนยกหัวเตียงสูงประมาณ 8 นิ้ว หรือ นอนตะแคงซ้าย 

 

การรักษาด้วยยา

ยาที่ใช้เป็นขนานแรกในการรักษาโรคกรดไหลย้อนคือ ยาลดการหลั่งกรดชนิด proton-pump inhibitor โดยมักให้ในระยะเวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ อาการแสบหน้าอก ขมหรือเปรี้ยวในคอมีอัตราตอบสนองร้อยละ 50 - 65

 

โรคกรดไหลย้อนที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาลดการหลั่งกรด

สาเหตุของอาการกรดไหลย้อนที่ไม่ตอบสนองต่อยารักษาการหลั่งกรด ได้แก่

  1. ภาวะหลอดอาหารรับความรู้สึกไวเกิน ทำให้รู้สึกแสบหรือเปรี้ยวแม้ไม่มีกรดจริง เป็นภาวะที่พบบ่อยที่สุดของโรคกรดไหลย้อนที่ไม่ตอบสนองต่อยารักษาการหลั่งกรดในคนไทย  
  2. โรคหรือภาวะความผิดปกติของหลอดอาหารอื่น เช่น โรคการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารผิดปกติ ซึ่งในระยะเริ่มต้นสามารถมีอาการคล้ายกับโรคกรดไหลย้อนได้
  3. ไม่ใช่โรคกรดไหลย้อนแต่แรก เช่น อาการอืดท้อง มีลม เรอ แน่นท้อง ซึ่งอาจเกิดจากโรคกระเพาะอาหารแปรปรวน ท้องผูกเรื้อรัง หรือโรคลำไส้แปรปรวนลำไส้แปรปรวน 

 

การตรวจจำเพาะเพิ่มเติม

การตรวจเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการวินิจฉัย และหาสาเหตุของของโรคกรดไหลย้อนที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา ได้แก่

  1. การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน 
    เป็นการตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูลักษณะการอักเสบของหลอดอาหาร หรือหาสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดอาการคล้ายคลึงโรคกรดไหลย้อน เช่น มะเร็งหลอดอาหาร กระเปาะของหลอดอาหาร ภาวะหลอดอาหารตีบ ดังนั้นนอกจากจะเป็นการตรวจในของโรคกรดไหลย้อนที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแล้ว ยังตรวจในผู้ป่วยที่มีสัญญาณเตือน เช่น น้ำหนักตัวลดลงมาก กลืนติด กลืนเจ็บ มีภาวะโลหิตจาง และอาเจียนบ่อย 
  2. การตรวจวัดกรดและการทำงานของหลอดอาหาร 
    เป็นการตรวจเพื่อวัดความเป็นกรด ร่วมกับวัดสารที่ไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร และช่วยในการวินิจฉัยภาวะหลอดอาหารรับความรู้สึกไวเกิน 

 

โดยสรุป โรคกรดไหลย้อนเป็นโรคที่พบได้บ่อย มีอาการจำเพาะคือแสบหน้าอก ขมหรือเปรี้ยวในคอ การรักษาเบื้องต้นคือการปรับพฤติกรรมร่วมกับการใช้ยาลดกรด โดยไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติมทุกราย ยกเว้นผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาหรือสัญญาณเตือน เช่น น้ำหนักลด กลืนลำบาก โลหิตจาง หรืออาเจียนเรื้อรัง ควรได้รับการตรวจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อไป